หากคุณทำการตลาดต้องเข้าใจอุปสงค์ทางการตลาด ตอนจบ
มาต่อกันเลยครับกับประเภทของอุปสงค์ ทีเหลือกัน
5. อุปสงค์ไม่สม่ำเสมอ Irregular Demand คือสภาวะทางการตลาดที่ผันแปรไม่ตามวัน เวลา ฤดูกาล ชั่วโมง หรือแม้กระทั่งวินาที เช่นการเที่ยวเข้าชมศูนย์ร่มบ่อสร้างจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงฤดูร้อน และช่วงวันเสาร์อาทิตย์ และหยุดนขัตฤกษ์ จะมีลูกค้ามากมาย จนไม่มีที่จะจอดรถกันเลยทีเดียว ส่วนในวันจันทร์ - ศุกร์ จะมีลูกค้าอยู่น้อยมาก ดังนั้นการตลาดต้องหาวิธีปรับความต้องการ ให้สม่ำเสมอ อาจจมีการยืดหยุ่นด้านราคา การส่งเสริมการตลาด ต้องคอยหาวิธีกระตุ้นตลาดอยู่เสมอ การนิ่งเฉย ทำให้ธุรกิจของคุณเสียชีวิตไปเสียแล้ว แต่ธุรกิจคู่แข่งโตเอา โตเอา คุณจะเลื่อกแบบไหนครับ
6. อุปสงค์เต็มที Full Demand คือระดับของการตลาดที่ยอดขายขององค์กรเป็นที่น่าพอใจ เปรียบเสมือนกับการที่เราเป็นแชมป์แล้ว และฝ่ายตลาดมีหน้าที่รักษาแชมป์ไม่ให้หลุดลอยไป ต้องมีการศึกษาติดตามการเปลี่ยนแปลง รสนิยมของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งกิจการที่ผลิตสินต้าต้องมีการปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และทำการวิจัยเพื่อประเมินความต้องการของลูกค้าเสมอ
7. อุปสงค์ล้นเหลือ Overfull Demand องค์กร หรือบริษัทในตลาดบางบริษัทบางแห่งต้องเผชิญกับปัญหาที่สินค้า และบริการล้นเหลือ เจ้าของกิจการต้องการวิธีเพื่อดึังความต้องการลงชั่วขณะหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นภาพยนตร์เรื่องที่มีผู้เข้าชมมากๆ โรงฉายไม่พอ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่มีผู้เข้าชม และพักค้างแรมบนดอยมากมายในฤดูหนาว หนาวมาก อาจจะมีการขึ้นราคาตั๋วเข้าชม หรือตั๋วพักแรมที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ การลดการส่งเสิรมการขายลง วิธีการนี้บอกไว้เลยว่าควรใช้กับตลาดที่ให้ผลกำไรน้อย
8.อุปสงค์ไม่เพึงประสงค์ Unwholesome Demand สินค้าในอันที่ไม่น่าพึงประสงค์ เช่น สุรา ยาสูป บุหรี่ ปืน เป็นต้น นักการตลาดต้องเข้าถึง คนที่ต้องการจะเลิกบุหรี่ โดยใช้เครื่องมือทำการตลาดเ้ข้าช่วย เช่นบนซองบุหรี่ มีคำเตือน การปรับขึ้นราคาสุรา และยาสูปอีก 40% เป็นต้น
เป็นอย่างไรบ้างครับ สรุปแล้วอุปสงค์ขององค์กร และกิจการของคุณเป็นแบบไหนคงพอตอบได้ใช่ไหมครับเมื่อตอบได้แล้วนำเอาวิธีที่ระบุไว้ในแต่ละหัวข้อนำไปใช้งาน คุณจะเห็นความประหลาดใจ ที่่มีต่อการทำการตลาด
ธวัชชัย สุวรรณสาร
ที่ปรึกษาด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์
081-1689081
kengwealthy@gmail.com
Post a Comment