เปลี่ยนองค์กร และการทำธุรกิจของคุณสู่การตลาดในยุคใหม่ ตอนที่ 1
ในปัจจุับันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมการซื้อของผู้บริโภค คุณจำเป็นต้องปรับตัวของคุณให้เข้ากับ ยุคแห่งการตลาดใหม่นี้ หากคุณต้องการที่จะอยู่รอดในการตลาดแบบไร้พรมแดน
ยุคแห่งการตลาดยุคใหม่เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ และปรับตัวแบบก้าวกระโดด ด้วยการจัดการตลาดแบบสุดขั้วในปัจจุบัน ทำให้ยุคแห่งเศรษฐกิจใหม่บังเกิดขึ้น บริษัทและองค์กรไม่สามารถทำการตลาดแบบเก่าได้อีกต่อไป ตัวคุณและองค์กรคุณก็เช่นกัน ต้องตามให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนี้
ในวันนี้ผมจะบอกถึงหัวข้อ ที่คุณจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง หากคุณหรือองค์กรธุรกิจของคุณยังคงมีความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับการตลาด ไม่ตรงกับที่ผมกำลังบอกให้คุณนี้ ไม่สายที่คุณจะเปลี่ยนสู่การตลาด และปรับกลยุทธ์เพื่อให้ัทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้ เอาล่ะเรามาเิริ่มกันเลยครับ
1. การเปลี่ยนจากการที่มีการจัดการองค์กรโดยหน่วยผลิตภัณฑ์ เป็นการจัดองค์กรธุรกิจโดยกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก
แทนที่จะมีการจัดกลุ่มของผลิตภัณฑ์ เพื่อทำการตลาด ก็เปลี่ยนเป็นการเน้นกลุ่มลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผลิตและจัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้า เช่นกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มวัยทำงาน เป็นต้น
2.เปลี่ยนจากการทำธุรกรรมแบบกำไร เป็นการ เน้นคุณค่าตลอดชีพของลูกค้า
โดยปกติองค์กรจะเน้นในการทำกำไรกับลูกค้าแต่ละราย พอได้กำไรแล้วก็จบกัน ในสมัยใหม่นี้ควรมีการเน้นคุณค่าตลอดชีพที่ผู้บริโภคหรือลูกค้าที่จะได้รับ ซึ่งอาจจะเป็นข้อเสนอทางการตลาดที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อเน้นการทำกำไรตลอดชีพ บางครั้งอาจจะมีการลดราคาบ้าง เพื่อรักษาลูกค้าไว้ในระยะยาว ไม่ใช่จบกันในครั้งเดียว
3.มีการเปลี่ยนจากผลลัพธ์ที่เน้นผลตอบแทนทางการเงินอย่างเดียว เป็น การเน้นผลตอบแทนทางการเงินและการตลาดควบคู่กันไป
แทนทีผู้บริหารในองค์กรธุรกิจดูผลสะท้อนจากกำไรขาดทุน และงบดุล ก็ให้ดูควบคู่ไปกับ ผลลัพธ์ทางการตลาดตลาดด้วยเช่น ความพึงพอใจของลูกค้า คุณภาพของสินค้าเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในท้องตลาด อัตราเปอร์เซ็นต์ที่จะมีการสูญเสียลูกค้าในอนาตนเป็นต้น
4.และที่สำคัญควรเปลี่ยนจากการเน้นทำผลกำไรให้ผู้ถือหุ้น มาเ้น้นผู้่ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัท
องค์กรที่ดำเนินการตลาดในยุคเก่าคร่ำครึ เน้นในการทำกำไรให้กับผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ซึ่งผู้ถือหุ้นมิได้เป็นผู้ที่ส่วนได้ส่วนเสียที่แท้จริง ควรหันกลับมาเน้นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทอย่างแท้จริง เช่น พนักงานในบริษัท ผู้จัดจำหน่าย พนักงานทุกคน เนื่องจากเขาเหล่านี้เปรียบกับฟันเฟืองที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ
5.เปลี่ยนจากให้ฝ่ายการตลาดทำการตลาดเท่านั้น มาเป็นพนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการทำการตลาด
ดังที่ David Packard แห่ง Hewlett Packard ได้กล่าวไว้ว่า " การตลาดมีความสำคัญมากเกินกว่าจะทิ้งให้แผนกการตลาดเพียงแผนกเดียวรับผิดชอบ " ผมได้กล่าวไว้ในบทความ "เป็นการไร้สาระอย่างมาก หากหน้าที่ทำการตลาดเป็นหน้าที่ของฝ่ายการตลาดเท่านั้น" แล้วว่าพนักงานทุกๆ คนมีผลกระทบต่อลูกค้า ทุกๆ สิ่งที่พนักงานทำคือภาพพจน์ของการตลาดบริษัท ทุกๆคนต้องมองลูกค้าเป็นทรัพยากร และแห่งความมั่งคั่ง พนักงานทุกๆ คนเป็นนักการตลาด
6.เปลี่ยนจากการสร้างตรายี่ห้อสินค้า เป็นการสร้างตรายี่ห้อสินค้าตามผลของการใช้สินค้า
การมุ่งกระหน่ำการโฆษณาสินค้าและแบรนด์ของตนอย่างหนัก เพื่อสร้างความนิยมต่อตราสินค้าและสินต้าที่ตนจำหน่ายอยู่ โดยจะเป็นผลดีกับการตลาดแบบเก่า ซึ่งในที่สุดแล้วตราสินค้าที่ลูกค้ามีประสบการณ์ในการอุปโภค บริโภคในทางบวก จะมีการบอกแบบปากต่อปากของลูกค้า ซึ่งเป็นการสร้างแบรนด์ให้มีชื่อเสียง และมั่นคงต่อไปในอนาคต
>>>>>>>> โปรดอ่านต่อไปในบทความหน้า
ธวัชชัย สุวรรณสาร
ที่ปรึกษาทางการตลาด และการสร้างแบรนด์
081-1689081
kengwealthy@gmail.com
Post a Comment