เปลี่ยนองค์กร และการทำธุรกิจของคุณสู่การตลาดในยุคใหม่ ตอนที่ 2
ในบทความคราวที่แล้วเราได้กล่าวถึง การปรับตัวของธุรกิจเพื่อก้าวสู่การตลาดยุคใหม่ เพื่อให้อยู่รอดในการตลาดที่มีการแข็งขัน กันอย่างดุเดือด เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาต่อกันเลย...
7. การเปลี่ยนจากการเน้นการได้ลูกค้าใหม่หรือการเสาะหาลูกค้าใหม่ เป็นการเน้นการรักษาลูกค้าให้อยู่กับเราอย่างยาวนาน
บริษัท และองค์กรธุรกิจของคุณมุ่งแสวงหาการเจริญเติบโต ด้วยการหาลูกค้ารายใหม่เพิ่มใช่ไหม และเพื่อพนักงานขายขายสินค้าหรือบริการได้ อย่างงดงามสำหรับการหาลูกค้าใหม่ได้เป็นจำนวนมาก คุณก็ตบรางวัลให้เขาอย่างงามจริงไหม? หากคุณ
กำลังเน้นการสร้างลูกค้าไหม นั่นแหละคุณกำลังหลงอยู่ในการตลาดรูปแบบเก่าๆ ซึ่งคุณจะอยู่รอดได้ไม่นานในโลกของการตลาดยุคใหม่
เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะว่าเมื่อพนักงานขายของคุณเน้นในการเสาะหาลูกค้ารายใหม่อยู่เป็นจำนวนมากนั้น พวกเขารวมถึงตัวคุณ และบริษัทของคุณเองใช้เวลาน้อยมากในการสร้างความพึงพอใจกับลูกค้าที่มีอยู่แล้ว มีผลทำให้ลูกค้าปัจจุบันของคุณหายไปเป็นจำนวนมาก และผมขอเตือนไว้อีกข้อหนึ่งครับ การดึงดูด หรือการหาลูกค้ารายใหม่นั้นมีต้นทุน เป็นห้าเท่าของการทำงานเพื่อรักษาลูกค้ารายเดิมเสียอีก หากคุณกำลังทำการตลาดแบบเน้นลูกค้ารายใหม่อยู่ล่ะก็ ควรเปลี่ยนแนวความคิดเสียเดี๋ยวนี้เลย
8. เปลี่ยนจากการที่คุณไม่มีการวัดความพึงพอใจของลูกค้าของคุณเลย มาเป็น การวัดความพึงพอใจของลูกค้าให้มากขึ้นในเชิงลึก
หลายๆ บริษัทในโลกนี้ ไม่สามารถที่จะวัดความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ ระเบียบ อย่างมีแบบแผน หนักไปกว่านั้นยังไม่สามารถหาปัจจัยที่จะกำหนดความพึงพอใจนั้นได้ กลับไปพึ่งข่าวสารทั่วๆไป เล็กๆ น้อยๆ อย่างไร้สาระ และเชื่อถือไม่ได้เอาเสียเลย
เปลี่ยนความคิดใหม่สู่การประเมินความพึงพอใจของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก มีการวางแผนวัดความพึงพอใจอย่างเป็นระบบ โดยทำการประเมินพนักงานขายแต่ละคนที่ไปพบลูกค้ามา สร้างความพึงพอใจกับลูกค้าให้มากที่สุด สร้างอย่างไม่หยุด และควรใช้สิ่งนี้มาเป็นปัจจัยในการให้เงินตอบแทนกับพนักงานขาย และฝ่ายขาย
9. เปลี่ยนการให้สัญญากับลูกค้าไว้สูง แต่กลับส่งมอบให้ต่ำ มาเป็นการ ให้สัญญาระดับต่ำแต่มีการส่งมอบให้สูงกว่าที่สัญญาไว้
พนักงานขายเพื่อให้ได้คำสั่งซื้อ มักจะให้สัญญาเกี่ยวข้องกับคุณภาพ และการนำส่งมอบไว้สูงเกินความเป็นจริงซึ่งจะเกิดผลเสียต่อภาพพจน์และยอดขายของบริษัท รวมถึงความเชื่อถือที่ลูกค้ามีให้ แน่นอนพนักงานขายย่อมมีความวิตกกังวลภายหลังเกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อการขาย
การโอ้อวดสรรพคุณเกินความจริงนั้น เป็นการสร้างความหายนะให้กับภาพพจน์ ยอดขาย และทุกสิ่งทุกอย่างของบริษัท คุณจะไม่ได้รับคำสั่งซื้อจากเขาอีกต่อไป การตลาดของบริษัทของคุณจะเข้าขั้นล้มเหลวในไม่กี่เดือน และต้องใช้เวลาในการกอบกู้ชื่อเสียงกลับมาซึ่งไม่คุ้มนัก
ในระบบเศรษฐกิจ และการตลาดยุคใหม่นี้ ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นผลการเปรียบเทียบให้เท่าเทียมกัน ระหว่างความคาดหวังของลูกค้า และการปฏิบัติงาน สัญญาเกี่ยวกับสินค้า บริการของบริษัท ต้องมีการรักษาสัญญา บางบริษัทบางธุรกิจต้องการให้พนักงานสัญญาแก่ลูกค้าไว้ในระดับต่ำ แต่เวลาส่งมอบให้ส่งมอบสูงกว่าที่ลูกค้าคาดหวังไว้ แน่นอนลูกค้าต้องพึงพอใจ อันจะนำมาซึ่งการบอกต่อมากมายในเครือข่ายการตลาดของลูกค้า
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับหัวข้อ เืพื่อให้องค์กรของคุณ หรือแม้แ่ต่การทำการตลาดของคุณเองให้เข้ากับเศรษฐกิจการตลาดแบบใหม่ คุณต้องเริ่มพิจารณาการทำการตลาดของคุณเดี๋ยวนี้สิ่งไหนที่ขัดต่อหลักทั้ง 9 ข้อที่ให้ไว้ก็ค่อยๆ ปรับเปลี่ยน ผมเข้าใจว่าการจะปรับเปลี่ยนให้ครบทุกข้อเลยนั้นเป็นเรื่องยากต้องใช้เวลา สิ่งที่คุณต้องทำคือค่อยๆ ปรับเปลี่ยน เพื่อให้พนักงานในองค์กรค่อยๆ ปรับตัวเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ เมื่อใดที่คุณปรับเปลี่ยนได้ ความสำเร็จก็จะตามมา และที่สำคัญหากคุณจะทำการตลาดในยุคใหม่นี้สิ่งเดียวที่คุณจะต้องทำก็คือ " ปรับเปลี่ยนแนวทางการตลาดอยู่ตลอดเวลา คิดอยู่ตลอดเวลา ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย " เท่านี้กิจการ บริษัทของคุณก็จะสามารถสร้างผลประกอบการที่ดีได้ตลอดไปครับ
ธวัชชัย สุวรรณสาร
ที่ปรึกษาด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์
081-1689081
kengwealthy@gmail.com
Post a Comment