แจกใบปลิวอย่างไรให้ได้ผลสูงสุดทางการตลาด

 กิจกรรมการแจกใบปลิวตามสถานที่ต่างๆ ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้วในการทำการตลาดในปัจจุบัน  เป็นการทำการตลาดแบบจู่โจมถึงตัวกลุ่มเป้าหมาย ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้รับทราบสื่อทันทีที่มีการแจกใบปลิว

     แต่คุณคงไม่ทราบว่า การแจกใบปลิวให้กับกลุ่มเป้าหมายนั้น หากมิได้มีการวางแผนเป็นอย่างดีแล้ว การแจกใบปลิวก็เหมือนกับการแจกแผ่นกระดาษเปล่า ผู้ที่ได้รับใบปลิวไป ก็รับไปแบบรำคาญ หรือรับไปก็ไปทิ้งภายหลังหาประโยชน์ไม่ได้เลย เมื่อแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ออกมาก็น่าใจหาย เปอร์ที่เซ็นต์ที่กลุ่มเป้าหมายจะทิ้งใบปลิวที่แจกไปมีถึง 89% ทำไมถึงเยอะมากมายเช่นนี้

    คำตอบมีมากมายหลายข้อครับ แต่มีไม่กี่ข้อที่ถือว่าเป็นปัจจัยหลักในการทำการกลยุทธ์การตลาดในการแจกใบปลิวไม่ได้ผล ซึ่งผมได้สรุปออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้ เพื่อประโยชน์กับทุกท่านที่คิดจะใช้การแจกใบปลิวเพื่อส่งเสริมการตลาดให้กับสินค้าและบริการของคุณ

   สาเหตุสำคัญที่ทำให้การแจกใบปลิวไร้ผลทางการตลาด

    1. ขาดการวิเคราะห์พื้นที่ที่จะแจกใบปลิว แต่ละพื้นที่มีกลุ่มเป้าหมายต่างกัน มีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก การแจกใบปลิวที่ล้มเหลวคือการแจกใบปลิวสินค้าหรือบริการที่ไม่สอดคล้องกับพื้นที่นั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่นั้นมีอากาศร้อนตลอดทั้งปี แทนทีจะแจกใบปลิวสินค้าที่เกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ ก็ไปแจกเครื่องทำน้ำอุ่น  เครื่องทำความร้อนเป็นต้น แบบนี้ทำการแจกแทบตายก็ไม่ได้ผล แถมสิ้นเปลืองใบปลิวอีกต่างหาก

    2. ไม่ได้มีการวิเคราะห์ว่า พื้นที่ที่ทำการแจกใบปลิวนั้นเป็นกลุ่มเป้าหมายขององค์กรหรือไม่ เช่นที่ผมเห็นสดๆ ร้อนๆ ที่ตลาดนัด ตลาดนัดบ้านผมเป็นตลาดนัดที่ส่วนมากผู้ใช้บริการที่มีรายได้ไม่สูงจนถึงระดับกลาง แต่มีคนไปแจกใบปลิวเป็นเสื้อผ้าราคาแพงตัวหนึ่งไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันบาท ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคนที่มีรายได้ระดับต่ำ ถึงปานกลางนั้น ไม่มีกำลังทรัพย์พอซื้อเสื้อผ้าราคาแพง เขาขอแค่มีเสื้อผ้าราคาถูก สภาพดีหน่อยเขาก็ใส่แล้ว  ผลการแจกหรือครับคงพอเดากันได้ ผู้รับใบปลิวรับใบปลิวกันทุกคนครับ แต่เขานำไปห่อของที่เขาซื้อ หรือไม่ก็รับมาประมาณ 100 เมตรก็ทิ้งตามถนนหนทาง แล้วจะไปได้ผลได้อย่างไรกันครับ

    3. องค์กรให้ใบปลิวพนักงานไปแจก แต่ไม่ได้กำหนดพื้นที่ให้ไปแจก เพียงแต่พูดว่าให้แจกให้หมดก็เป็นพอ  ผมว่าแบบนี้ไม่ต้องแจกดีกว่าครับเพราะไม่ได้ผล อีกทั้งไม่มีการสอบกลับผลการแจกใบปลิวอีกต่างหาก องค์กรจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาไปแจกจริง  ถ้าเขาเอาไปทิ้งก็จะไม่มีทางรู้ได้เลย การตรวจสอบว่าแจกจริงหรือไม่จริงง่ายมาก เพียงจ้างคนสักคนหนึ่งคอยสอดส่องติดตามดู โดยสุ่มดูผู้แจกสักคน สองคนก็ได้คุณก็รู้แล้วว่า ใครแจกหรือไม่แจก  แต่จริงๆ แล้วองค์กรควรมีการวิเคราะห์พื้นที่ และกลุ่มเป้าหมายก่อนแจกจะดีกว่า เพื่อประสิทธิภาพในผลของการแจกใบปลิว

    4. แจกแล้วไม่ติดตามผลการแจก เมื่อลูกค้าสนใจมาซื้อสินค้าจากองค์กร ทางองค์กรก็ไม่ได้สอบถามว่า ทราบมาจากสื่อไหน เพียงแค่มีคนมาซื้อสินค้าและบริการเท่านั้นก็จบ จริงๆ แล้วเป็นความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย องค์กรต้องมีการสอบถามจากผู้ซื้อสินค้าทุกครั้ง ว่าทราบมาจากสื่อใด หากทราบจากสื่อใบปลิวมาก แสดงว่าการแจกได้ผล แต่หากทราบมาจากสื่ออื่นๆ มากแสดงว่าการแจกใบปลิวไม่ได้ผล ก็ควรลดเปอร์เซ็นต์กิจกรรมการแจกใบปลิวลง และเน้นในส่วนที่ได้ผลมากที่สุด  แต่องค์กรส่วนมากยังดันรุรังแจกกันอยู่ เนื่องจากขาดการวิเคราะห์ตามที่ผมได้แจ้งไป ทำให้สิ้นเปลืองงบการตลาดโดยไม่จำเป็น

        และนี่คือปัจจัยที่นำความล้มเหลวมาสู่กิจกรรมการแจกใบปลิว ใบปลิวถือว่าเป็นงบประมาณทางการตลาด ดังนั้นหากจะเสียเงิน เพื่อทำกิจกรรมทางการตลาดใดๆ แล้ววคุณมีการวิเคราะห์ ก่อนที่จะทำกิจกรรมทางการตลาดใดๆ  จงจำไว้ว่า " การตลาดที่เสียงบประมาณมาก แต่ได้ผลตอบรับน้อยถือว่าเป็นความผิดพลาดทางการตลาด "  กิจกรรมทางการตลาดเป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนได้ อย่างดันทุรังทำต่อหากไม่ได้ผล เพราะมันไม่คุ้มกันเลยครับ

ธวัชชัย สุวรรณสาร

โค้ชทางการตลาดและการสร้างแบรนด์

081-1689081

coachtawatchai@gmail.com