การวางตำแหน่งแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ ตอนที่ 2
มาต่อกันเลยกับตอนที่ 2 ครับ>>>>>>
2. การวางตำแหน่งแบรนด์โดยใช้เป้าหมายของผู้บริโภค
ในการวางตำแหน่งของแบรนด์วิธีการแรกที่กล่าวไปแล้วก็คือ การวางตำแหน่งแบรนด์โดยเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันซึ่งเป็นวิธีการ นำเสนอประโยชน์ของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของคุณให้กับผู้บริโภค และเป็นการแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าสินค้าของคุณนั้นสามารถตอบสนองต่อผู้บริโภคของคุณได้
แต่เมื่อลูกค้าของคุณได้ซึมซับเอาคุณประโยชน์ที่เขาจะได้รับจากสินค้าหรือบริการของคุณแล้ว แบรนด์ของคุณจะเกิดการเติบโตขึ้นไปสู่อีกระดับหนึ่ง เพราะลูกค้าเกิดการรับรู้ในแบรนด์ของคุณแล้ว ดังนั้นการทำให้แบรนด์เติบโตขึ้นไปอย่างยั่งยืน มั่นคง จะต้องให้ความหมายกับแบรนด์ของคุณให้ลึกซึ้งขึ้น จนถึงระดับที่ลูกค้าเข้าถึงแก่นแท้ของแบรนด์ ( Brand Essence ) นั่นแหละคือสุดยอดความปรารถนาขององค์กรผู้สร้างแบรนด์ทุกราย
การวางตำแหน่งของแบรนด์เพื่อให้ผู้บริโภค เข้าถึงแก่นแท้ของแบรนด์นั้น คุณในฐานะเจ้าของแบรนด์ต้องแสดงให้ลูกค้า หรือผู้บริโภคของคุณให้รับรู้ และรับทราบเกี่ยวกับคุณประโยชน์ทั้ง 3 ข้อนี้ก่อนโดยเรียงตามลำดับ ดังนี้
- การรับรู้ในคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ และภาพลักษณ์ของแบรนด์
คือ คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ของคุณ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ว่าเด่นด้านไหน ช่วยให้ผู้บริโฦคบรรลุถึงความต้องการของเขาอย่างไร อีกทั้งคุณควรวิเคราะห์แบรนด์ด้วยว่า แบรนด์ของคุณมีภาพลักษณ์ในตลาดอย่างไร ดูน่าเชื่อถือหรือไม่ จงจำไว้ว่าความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ มาจากกการที่สินค้าหรือบริการนั้น สามารถตอบสนอง และบรรลุถึงเป้าประสงค์ของลูกค้าหรือไม่
- การรับรู้ในคุณประโยชน์ด้านหน้าที่การทำงาน
เมื่อผู้บริโภคได้รับรู้ถึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้มากน้อยเพียงใดแล้ว นี่คือขั้นตอนของกระบวนการ หน้าที่การทำงานของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของคุณแล้วว่ามีการใช้งานอย่างไร หากสินค้าของคุณมีคุณสมบัติการใช้งานที่ดีเยี่ยม ประกอบกับการที่ผู้บริโภคสามารถรับรู็ได้ว่า คุณสมบัตินั้น มีประโยชน์อย่างไรกับชีวิตของผู้บริโภค ก็จะสื่อไปถึงการรับรู้ขั้นตอนต่อไปคือ
- การรับรู้ในประโยชน์ทางด้านอารมณ์ และความรู้สึก
ผมจะเปรียบเทียบให้เห็นตัวอย่างง่ายๆ เช่น แบรนด์ของนาฬิกา Rolex ที่แสดงถึงความหรูหรา ราคาแพง ความภูมิใจ ความรู็สึกมั่งคั่ง ส่วนนาฬิกา Casio เน้นความเท่ห์ สไตล์วัยรุ่นในราคาที่ย่อมเยาไม่แพงจนเกินไป วัยรุ่น และวัยทำงานสามารถหาซื้อได้ หรือ รถยนต์ เบนซ์ เป็นรถยนต์สุดหรู แสดงถึงภาพลักษณ์ความสำเร็จ ความร่ำรวย ส่วนรถโตโยต้า เน้นในส่วนชนชั้นกลาง ความรู้สึกคุ้มค่า เน้นการใช้งาน ไม่ได้เน้นฐานะการแสดงออกทางสังคม
ในการศึกษาวิจัยได้มีการวิจัยว่ามีบุคลิกภาพอย่างน้อย 5 แบบที่สามารถนำไปเชื่อมโยงกับลักษณะของแบรนด์ได้ ซึ่งหากคุณได้นำไปใช้แล้ว รับประกันว่าสินค้าของคุณจะขายได้อย่างไม่รู้จบ คือ
1. มีความจริงใจกับผู้บริโภคหรือผู้สินค้า ไม่เสแสร้ง
2. ความตื่นตาตื่นใจ จนผู้บริโภคต่างร้อง ว้าว!
3. ความมีสมรรถนะสูงของสินค้าหรือบริการนั้น
4. ความเชี่่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ ที่ตนทำการตลาดอยู่
5. ความกล้าหาญ กล้าคิด กล้าทำตามที่วางแผนไว้
สุดท้ายขอฝากไว้ว่า ไม่ว่าวิธีการใดก็ตามที่สามารถเชื่อมโยงจิตใจ ระหว่างเป้าหมายของลูกค้า และประเภทของสินค้าที่ทำการตลาดอยู่ได้ ความสำเร็จมาถึงหน้าประตูแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเปิดรับความสำเร็จนั้นหรือไม่
ธวัชชัย สุวรรณสาร
โค้ชทางการตลาด และการสร้างแบรนด์
081-1689081
coachtawatchai@gmail.com
Post a Comment