ทำการตลาดอย่างไร ไม่ให้ลูกค้ากลายร่างเป็นซาตาน
ลูกค้า หรือผู้บริโภค มีการเปรียบเทียบว่าลูกค้าเปรียบเสมือนกับพระเจ้ามาโปรด เพราะเกี่ยวข้องกับความเป็นไปของธุรกิจ เป็นหัวใจของการตลาดเพื่อธุรกิจ เมื่อคุณทำการตลาดเป็นที่พอใจแก่ลูกค้าแล้ว จะส่งผลให้ยอดขาย สินค้าและบริการของคุณเพิ่มขึ้น แต่หากว่าลูกค้าของคุณไม่พอใจหล่ะ คงไม่ต้องบอกน่ะครับว่าอะไรจะเกิดขึ้น......
ภาพด้านบน เป็นภาพที่ลูกค้าของคุณได้กลายร่างเป็นซาตาน เป็นที่เรียบร้อยคงไม่ต้องบอกน่ะครับว่า ถึงแม้คุณจะชี้แจงเหตุผล หรืออะไรให้เขาฟัง เขาไม่ฟังคุณแน่นอน สิ่งที่ตามมาก็คือ เมื่อเขาไม่พอใจก็จะป่าวประกาศว่า สินค้าของคุณ บริการของคุณนั้นไม่ดีพอ ส่วนมากมักจะพาล บอกให้คนอื่นๆ ไม่ซื้อสินค้าและบริการคุณได้ดื้อๆ ซึ่งไม่ส่งผลดีนักกับธุรกิจของคุณ
วันนี้ผมจะมาบอกถึงเทคนิค ทางการตลาดที่คุณสามารถทำ และนำไปใช้ได้เลยในการที่จะ บล็อคอารมณ์ด้านมืดของลูกค้า ไม่ให้กลายร่างเป็นซาตานในร่างมนุษย์ ซึ่งคุณสามารถทำได้โดยไม่สื้นเปลืองต้นทุนทางการตลาดมากนัก หรือบางทีก็ไม่ต้องเสียเพิ่มเลย เอาล่ะครับเพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
1. เมื่อลูกค้าไม่พอใจ และติดต่อคุณเข้ามาไม่ว่าจะด้วยสื่ออินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ อีเมล์ หรืออะไรก็ตามขอให้คุณตอบ และแก้ไขให้เสร็จภายใน 24 ชั่วโมง
ธุรกิจส่วนมาก เมืื่อมีลูกค้าที่ไม่พอใจในสินค้า หรือบริการติดต่อเข้ามาไม่ว่าช่องทางใด จะมีวิธีการคือ เงียบ และหวังว่าอารมณ์ของลูกค้านั้นจะลดลงไปเอง โอ้ยใครคิดวิธีนี้อยู่ขอให้แก้ไขโดยเร็วที่สุดครับ คุณคิดผิดอย่างมหันต์ เพราะการที่คุณไม่แก้ไขปัญหา หรือไม่ตอบกลับเขาภายใน 24 ชั่วโมงจะยิ่งทวีความโกรธ ให้เขากลายร่างเป็นซาตานที่โหดร้ายได้ อันจะนำมาซึ่งผลของการจำหน่าย หรือขายสินค้าของคุณในอนาคต ฉะนั้นผมขอให้คุณเปลี่ยนความคิดของคุณซ่ะ ให้มีการแก้ไขปัญหาของลูกค้าภายใน 24 ชั่วโมง อย่าปล่อยทิ้งไว้ ผมเตือนคุณแล้วน่ะครับ
ยิ่งปัจจุบันมีสื่อหลายตัว ที่ช่วยในการบอกต่อ โดยเฉพาะสื่ออินเตอร์เน็ต เมื่อมีการโพสอะไรสักอย่างที่ไม่พอใจลงไป ทีเดียวคนเห็นเป็นหมื่นเป็นแสนคน แต่หากคุณมีการตอบโพสที่ไม่พอใจนั้นภายใน 24 ชั่วโมง จะแสดงถึงความเอาใจใส่ในปัญหาที่เกิด ผิดกันเลยน่ะครับ
2. ลูกค้าจะไม่ชอบความสุขที่มาตูมครั้งเดียว แต่ชอบความสุขที่มาแบบถี่ๆ มากกว่า
ผมแนะนำอย่างนี้ หากคุณมีโปรโมชั่นอะไรที่ดีๆ อย่างมอบโปรโมชั่นนั้นให้กับลูกค้าแบบตูมเดียว หรือทีเดียว ให้ทยอยส่งมอบโปรโมชั่นนั้นเป็นส่วนๆ เหตุเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ลูกค้า ธรรมชาติของลูกค้านั้นจะเห็นความสำคัญ กับความสูขที่มาแบบถี่ๆ มากกว่าความสุขที่มาเป็นก้อน มาทีเดียว
ยกตัวอย่างเช่น โปรโมชั่นเงินคืนบัตรเครดิต ข้อที่ 1 รูดซื้อสินค้าครบ 50,000 บาทรับเงินคืน 2,000 บาท กับ ข้อที่ 2 รูดบัตรซื้อสินค้า 50,000 บาท รับเงินคืน 1,000 บาท และรับคูปองแทนเงินสด 1,000 บาทไว้ซื้อของแทนเงินสดในห้าง เซ็นทรัล หมวดใดก็ได้
คุณจะเลือกโปรโมชั่นแบบที่ 1 หรือแบบที่ 2 ขอเฉลยครับ มีการทำวิจัยเรื่องนี้ออกมา ปรากฎว่า ข้อ 2 ชนะขาดด้วยคะแนนเสียง 80% ต่อ 30%
เพราะว่าข้อที่ 2 มีการสร้างความรู้สึกมีความสุขให้กับลูกค้าได้ Double ถึง 2 ครั้ง เป็นการทำการตลาดแบบแยกส่วนดีออก การโปรโมชั่นแบบนี้เป็นการสร้างมูลค่าทางใจเพิ่มให้กับลูกค้าได้โดยไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าถูกมนต์สกด ของการตลาดไปแบบเต็มๆ
เราจะเห็นการทำการตลาดแบบนี้ได้จากร้านอาหาร เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาในร้านแบบหิว สุดๆ ร้านอาหารจะมีการเสริฟ น้ำให้ก่อนเช่น น้ำเก็กฮวย น้ำกระเจียบ ให้ก่อน ดีกว่าช่วงรออาหารให้ลูกค้าที่หิวรอนาน ซึ่งอาจจะเกิดอารมณ์กับลูกค้าได้
3. โฆษณาโดยให้ความสำคัญกับสินค้าของตน 70% ที่เหลือ 30% คือเรื่องที่เกี่ยวกับลูกค้า
เป็นความผิดพลาดอย่างมากในการทำโฆษณาที่เน้นในเรื่องคุณสมบัติของสินค้า หรือเน้นในส่วนของลูกค้าแต่เพียงอย่างเดียว เช่น โลชั่นทาผิดนี้มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ โดยผ่านมาตรฐานด้านผิดพรรณระดับโลก และมีส่วนผสมของพืชธรรมชาติ 100% คุณจะสังเกตุได้ว่า ไม่ได้มีประโยคที่กลับกับลูกค้าเลย ลูกค้าจึงไม่ซื้อไงครับ เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับตนเองเลย
ลูกค้าต้องการรู้ว่า สินค้าและบริการนี้ เหมาะสมกับเขา และสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงกับเขาอย่างไรบ้าง
ฉะนั้นวิธีการทำการตลาด และข้อความโฆษณาที่เหมาะสมนั้น ต้องมีการกล่าวถึงคุณสมบัติของสินค้า 70% และมีการกล่าวถึงลูกค้า 30% จึงจะได้ผล ยกตัวอย่างเช่น
ครีมนวดผมนี้มีส่วนผสมของ อเวคาโด และมะกรูด ช่วยบำรุงรากผม ช่วยให้ผมเงางาม สวย คุณลูกค้จะรู้สึกถึงความแตกต่างทันทีจากการใช้เพียงครั้งแรก
เห็นไหมครับแค่ทำการตลาดเพียงแค่นี้ ก็สามารถทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกดีๆ ร่วมกัน จนเกิดเป็นความอบอุ่นภายในใจ ระหว่างใจของลูกค้า และใจของคุณ ลองนำกลับไปใช้กับธุรกิจคุณดูน่ะครับ
Post a Comment