Header Ads

ความภักดีที่มีต่อแบรนด์ ( Brand Royalty ) วัดจากอะไรคุณรู้ไหม


     ความภักดีที่มีต่อตราสินค้า หรือ ( Brand Royalty )  ที่สิ่งที่พูดถึงกันมานาน และบ่อยมากในการสร้างแบรนด์ และทำการตลาด แน่นอนว่าหากธุรกิจใดสามารถสามารถสร้าง ความภักดีที่มีต่อตราสินค้ามากเพียงใด สินค้าหรือบริการนั้นขององค์กร จะประสบความสำเร็จ และจะมีลูกค้า หรือกลุ่มผู้มุ่งหวังมาหาอย่างไม่ขาดสาย

     แต่อะไรล่ะที่ใชัวัดความสำเร็จของ Brand Royalty

    บางคนคิดว่า การที่จะประสบความสำเร็จ มี Brand Royalty นั้น ยอดขายเป็นสิ่งที่วัดความสำเร็จของการทำกิจกรรมดังกล่าว บ้างก็คิดว่าการที่ลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายระลึกถึงตราสินค้าของตนได้ก็ถือว่า ประสบความสำเร็จแล้ว


     แน่นอนว่ายอดขายสินค้าและบริการ เป็นปัจจัยหลักในการวัดความสำเร็จขององค์กรธุรกิจนั้นๆ แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ใช้วัดความสำเร็จ ของ Brand Royalty นั้นมีเพียง 2 ประการนั่นก็คือ



     1. ความพึงพอใจของลูกค้า หรือผู้มุ่งหวังที่มีต่อแบรนด์

         เป็นปัจจัยแรกสุดที่ใช้วัดความสำเร็จของความภักดีที่มีต่อแบรนด์  คิดง่ายๆ เมื่อคุณทำการซื้อสินค้ายี่ห้อใด ยี่ห้อหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เมื่อคุณได้ลองชิมแล้ว ไม่ประทับใจ ไม่พอใจ ทำอย่างไรก็ไม่อร่อย คุณจะซื้อสินค้านั้น บะหมี่นั้นทานอยู่ไหม? คำตอบก็ทราบกันดีอยู่จริงไหมครับ
     
         ดังนั้น หากคุณต้องการจะสร้างแบรนด์ของคุณให้เกิด Brand Royalty คุณต้องสมมุติตนเองเป็นลูกค้าและลองสินค้านั้นด้วยตนเอง หากคุณไม่พอใจคุณก็ต้องทำการ R&D ( Research and Development ) หรือการวิจัย และพัฒนาให้เป็นที่พึงพอใจ โดยคุณอาจจะลองกับกลุ่มตัวอย่างก่อน ในการสร้าง Brand Royalty นั้นขั้นแรกคุณไม่ต้องคิดมาก คิดแต่ว่าคุณจะพัฒนาสินค้าของคุณอย่างไรให้เป็นที่พึงพอใจของลูกค้า  ส่วนเรื่องต้นทุน ค่าใช้จ่ายต่างๆ เชื่อผมเอาไว้ทีหลัง เพื่อลูกค้าเกิดความพึงพอใจ ก็จะเกิด Brand Royalty ตามมาเอง  ซึ่งเป็นผลมาจากพลัง แห่งการบอกต่อแบบปากต่อปากนั่นเอง

    2. ทัศนคติด้านบวกที่มีต่อแบรนด์

        เมื่อเกิดความพึงพอใจ ก็จะเกิด ทัศนคติ ( Attitude ) ด้านดีเกิดขึ้นภายในจิตใจของลูกค้า ทัศนคติที่ดีจะคงอยู่กับลูกค้ายาวนานมากกว่า ความพึงพอใจมากมายมหาศาล  ความพึงพอใจเกิดขึ้นก่อน ที่ตามมาก็คือ ทัศนคติด้านบวกล้วนๆ ซึ่งข้อนี้คุณคงไม่ปฏิเสธแน่นอน .......

       แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณสร้างความพึงพอใจให้เกิดขึ้นกับลูกค้า จนเกิดเป็นทัศนคติด้านบวกในใจของลูกค้าแล้ว  วันหนึ่งเกิดข้อผิดพลาดในสินค้าและบริการขององค์กร จนเกิดความไม่พึงพอใจเกิดขึ้นเมื่อนั้นมันจะมีพลังสร้างแรงเกิดทัศนคติด้านลบอย่างมหาศาลเกิดขึ้น  เข้าตำราที่ว่า ยิ่งภักดีพอใจกับสิ่งนั้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเกลี่ยดเป็นพลังทวีมากขึ้นเท่านั้น

        เป็นอย่างไรบ้างครับคุณคงทราบแล้วว่าความภักดีที่มีต่อแบรนด์นั้น ความสำเร็จ ไม่ได้วัดจากความถี่ในการซื้อสินค้าเท่านั้น ....เปลี่ยนความคิดเสียใหม่แล้วก้าวสู่ยุคใหม่แห่งการสร้างความภักดีให้เกิดกับสินค้าและบริการของคุณกันเถิดครับ


ธวัชชัย สุวรรณสาร
ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์
086-6593823

   



ไม่มีความคิดเห็น