อย่าหวงอะไรของคุณนักเลย การตลาดยุคใหม่ต้องให้ความรู้กับกลุ่มเป้าหมาย

     " อย่าช่วยกลุ่มเป้าหมายมากนักเลย ระวังเขาเอาความรู้เราไปใช้น่ะ " ธุรกิจของคุณกำลังกลัวแบบประโยคที่ผมกล่าวไปข้างต้นหรือปล่าวครับ ?  ถ้าธุรกิจของคุณ หรือการทำการตลาดของคุณกำลังคิดในลักษณะนี้อยู่ ขอแสดงความยินดีด้วย กับธุรกิจของคุณที่จะไปไม่รอดในอีก 1 - 2 ปีข้างหน้า

     ที่ผมบอกไม่ได้จะเป็นการแช่งให้ธุรกิจของคุณไปไม่รอด  แต่ผมกำลังจะบอกว่า การตลาดปัจจุบันเป็นการตลาดแห่งการแบ่งปัน การตลาดแห่งการช่วยเหลือ การตลาดแห่งการให้ หากคุณคิดหวังว่าจะทำการตลาดอย่างเดียว เพื่อกอบโกยกำไร ยอดขาย เพียงอย่างเดียวล่ะก็ ไม่รอดแน่นอน เนื่องจากผู้บริโภคปัจจุบัน สามารถหาความรู้เกี่ยวกับธุรกิจของคุณได้อย่างง่ายดาย ผ่านทางสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่ออินเตอร์เน็ต แค่คลิ๊กเดียว ผู้มุ่งหวังของคุณก็จะรู้แล้วว่า คุณทำธุรกิจอะไร มีความลับอะไรบ้าง และอื่นๆ อีกสับเพเหระ เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ

     ในเมื่อคุณรู้แบบนี้แล้ว คุณก็ควรจะเปลี่ยนการทำการตลาดแบบใหม่เสียเลย ง่ายๆ ด้วยการสอน และการสนับสนุนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณเสียเลย เลิกคิดเสียท่ีเถอะเรื่องเขาจะเอาสูตร เอาความลับของคุณไปใช้ทำธุรกิจ ยิ่งคุณแสดงวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนในการรักษาความลับ คนก็ยิ่งจะสืบเสาะหาจนได้ ตามหลักจิตวิทยาเลยครับ ยิ่งคุณเก็บความลับมากเพียงใด มนุษย์ ก็จะสืบเสาะหาคำตอบ เพราะมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิต ที่อยากรู้ หรือพูดตรงๆ ก็คือ อยากรู้ อยากเห็นนั่นเอง  ในเมื่อคุณรู้อย่างนี้แล้วคุณจะเก็บสิ่งที่มีค่าของธุรกิจของคุณไว้ทำไม  เอามาเผยแพร่ช่วยเหลือ ให้กลุ่มเป้าหมายของคุณได้รับประโยชน์ไม่ดีกว่าหรือจริงไหม

      แล้วจะทำอย่างไรล่ะ ?

      ไม่ยากครับ แค่คุณสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายของคุณให้ได้รับความรู้จากธุรกิจของคุณ เช่น หากคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้า การจัดจำหน่ายสินค้า  ก็อาจจะสอน และสนับสนุนให้เขาทำธุรกิจ ตั้งแต่การคัดเลือกสินค้ามาขาย การจดทะเบียนการค้า  จนกระทั่งการจัดจำหน่าย ผมยกตัวอย่าง แถวๆ บ้านผมแล้วกัน  แถวบ้านผม มีบริษัทที่จัดจำหน่าย อุปกรณ์ วัตถุดิบในการทำเบเกอรี่ ครบวงจร บริษัทนี้จะมีห้องอบรมใหญ่มากอยู่ชั้น 2 ของบริษัท ทุกๆ สัปดาห์จะมีการเชิญ เชฟอาหาร เชฟของหวาน และเบเกอรี่ มาสอนทำเค้ก ทำของหวานแทบทุกชนิด ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเลย  สอนตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ มีสวนผสมอะไรบ้างในการทำเบเกอรี่ แต่ละชนิด  มีคนมาเรียนเต็มแทบทุกสัปดาห์  เมื่อคนเรียนสนใจ ซึ่งแน่นอนครับ กลุ่มคนที่มาเรียน ก็จะเป็นผู้ที่สนใจในการทำเบเกอรี่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ เพื่อทำกินเองที่บ้าน  หรือเรียนรู้เพื่อไปประกอบธุรกิจ   หลังจากเรียนจบ หากสนใจ ก็จะเดินลงมาชั้น 1 ที่เปิดเป็นจุดขายสินค้า และอุปกรณ์เบเกอรี่ เพื่อซื้อกลับไปทำเอง  โดยสามารถซื้อได้ในราคาพิเศษ  และขายดีด้วยครับ

     ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจเบเกอรี่ เท่านั้นครับ ที่เห็นชัดเจนก็คือ  แม็คโคร ที่เขาสนับสนุนร้าน โชว์ห่วย ด้วยการเป็นที่ปรึกษาในการประกอบธุรกิจ กลยุทธ์การตลาดร้านโชว์ห่วย  การนำสินค้าเข้ามาขาย และแน่นอน แม็คโคร ก็จะได้ผูกมิตรกับร้านโชว์ห่วย เพราะแสดงถึงเจตจำนงค์ว่า ให้การสนับสนุนร้านโชว์ห่วย ไม่ใช่ไปแย่งยอดขายของเขา  ทำให้ แม็คโคร และร้านโชว์ห่วยในพื้นที่ เป็นพันธมิตรกัน ไร้ซึ่งการต่อต้าน อยู่กันได้อย่างมีความสุข ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และแม็คโครก็มียอดขายมหาศาลจากกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ ทะลุเป้ายอดขาย

     ขอยกตัวอย่างให้คุณเห็นอีกสักกรณีแล้วกัน  ปัจจุบันคุณสังเกตุไหมว่า ธนาคารแทบทุกธนาคารในปัจจุบัน รับปรึกษาทางการเงิน การวางแผนการเงินส่วนบุคคล มีการให้ความรู้ทางการเงินโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  มีการเป็นที่ปรึกษาธุรกิจในเรื่องของการเงิน แบบฟรีๆ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกต่างหาก เมื่อกลุ่มลูกค้าเกิดความประทับใจ ก็จะทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคาร เป็นไงล่ะครับ ธนาคารก็จะได้ลูกค้ากลุ่มใหญ่เพิ่ม  โดยเฉพาะปัจจุบันมีการสนับสนุน SME หากธนาคารไหนพร้อมที่จะให้ความรู้ของตน โดยเฉพาะความรู้ทางด้านการเงิน และการประกอบธุรกิจให้ประทับใจแล้ว  ผู้ที่กำลังเริ่มทำธุรกิจ SME ทั้งหลายก็พร้อมที่จะเข้าหา คราวนี้ล่ะเม็ดเงินมหาศาลก็จะเข้าสู่ธนาคารนั้น

     เป็นอย่างไรบ้างครับ การทำการตลาดแบบนีี้  ประเทศอื่นๆ เขาเริ่มทำกันมานานแล้วครับ และทำอย่างแพร่หลายด้วย ประสบความสำเร็จมากมาย  เราในฐานะผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ลองคิดดูสิครับว่า ธุรกิจของคุณนั้น เก่ง และชำนาญด้านไหน ก็เอาออกมาโชว์ได้แล้ว อย่างมัวแต่เก็บไว้ในกะลา เพื่อรอให้ใครมาเปิด   สู้เราเปิดกะลา และนำสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในนั้น มาช่วยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณไม่ดีกว่าหรือ  ไม่ต้องกลัวความลับรั่วไหลหรอกครับ  ยิ่งคุณให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายมากเพียงใด  กลุ่มเป้าหมายก็จะพร้อมรวมพลังปกป้องคุณเอง  การตลาดแห่งการให้ นี้ เป็นการตลาดที่มหัศจรรย์มากๆ ครับ เพราะเป็นการตลาดที่รุกเข้าไปในใจคน  และผลที่กลับมา มันมากกว่าที่คุณคิดไว้ แต่ที่สำคัญ คือ.....

      คุณต้องเปิดใจ แห่งการให้ที่แท้จริง ก็เท่านั้นเอง