Header Ads

เคล็ดไม่ลับ 4 ประการทีช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายการตลาด เพื่อยอดขายที่บรรเจิด

        ปัจจุบัน ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น เพียงแค่กดคลิกไม่กี่ครั้ง แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลจากลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลก สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้นักการตลาดเผชิญกับความยากลำบากในการตีกรอบกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักการตลาดต้องคิดค้นกลยุทธ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนี้

         การจัดประเภทและคัดกรองกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นขั้นตอนแรกที่จะทำความเข้าใจลูกค้า แต่การดำเนินการดังกล่าวต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลให้ลึกลงไปอีกขั้นหนึ่ง การที่เราจะรู้ได้ว่าลูกค้าเป็นใคร ต้องการอะไร และจะเข้าถึงได้อย่างไรนั้น เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า ความแตกต่างหลากหลายนั้นส่งผลกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างไรบ้าง และความแตกต่างเหล่านี้มีบทบาทต่อการทำการทำตลาดผ่านคอนเทนต์ของเราอย่างไรบ้าง


         ผมได้อ่านบทความจาก เวป www.ryt9.com ซึ่งผมเห็นว่ามีประโยชน์มากในการที่คุณจะเข้าใจ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายในโลกอินเตอร์เน็ตอันไร้พรมแดนนี้ เป็นบทความที่เสนอถึง 4 เคล็ดไม่ลับ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น ลึกซึ้งขึ้น เพื่อเสาะหากลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการเข้าใจลูกค้า เพื่อยอดขายที่บรรเจิดในเวทีการแข่งขัน
ดังต่อไปนี้

        1. รูปภาพช่วยกระตุ้นการตอบสนองได้ดีกว่า

       ไม่ว่ากลุ่มเป้าหมายจะมีความแตกต่างหรือหลากหลายเท่าใด แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ พวกเขาชอบดูรูปภาพ เพราะสมองคนเราสามารถประมวลภาพได้เร็วกว่าตัวหนังสือถึง 30 เท่า ด้วยเหตุนี้รูปภาพจึงเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นที่จะทำให้สิ่งที่เรานำเสนอโดดเด่น หากเราใส่ภาพประกอบแล้ว กลุ่มเป้าหมายก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอ่านตัวหนังสือทั้งหมดเพื่อทำความเข้าใจในสาระสำคัญ รูปภาพทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกสนใจทันทีเมื่อพบเห็น จนอาจถึงขั้นกดไลค์ คอมเมนต์ หรือกดแชร์

         "การผสมผสานคอนเทนต์เข้ากับวิดีโอและภาพนิ่ง" เป็นวิธีการที่จะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามามีส่วนร่วมได้ดีที่สุด เพราะในขณะที่ภาพนิ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับคอนเทนต์ วิดีโอก็จะยิ่งช่วยทำให้คอนเทนต์น่าอ่านยิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังได้รับยอดแชร์เพิ่มขึ้นกว่า 1200% เมื่อเทียบกับโพสต์ที่มีเพียงรูปภาพหรือข้อความ ยกตัวอย่างเช่นเพจเฟซบุ๊กของ National Geographic แม้โพสต์รูปภาพของเพจจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แต่โพสต์ในรูปแบบวิดีโอกลับมียอดแชร์สูงกว่าเป็นเท่าตัว นอกจากนี้ อัลกอรึธึมของเฟซบุ๊กยังให้ความสนใจกับคอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอมากกว่า เห็นได้จากการที่เฟซบุ๊กเลือกนำวิดีโอขึ้นฟีดข่าว เพื่อให้กลุ่มผู้อ่านเข้าถึงได้มากขึ้น

         คอนเทนต์ออนไลน์ที่มีภาพประกอบหรือวีดีโอจะได้รับยอดแชร์มากกว่าโพสต์ที่มีแต่ข้อความถึง 40 เท่า ฉะนั้น การทำคอนเทนต์ที่มีรูปภาพหรือวิดีโอประกอบจึงเป็นการทำการตลาดที่สำคัญ ซึ่งหากเราไม่ปรับตัวก็อาจจะส่งผลกระทบในระยะยาวได้ หากกลุ่มเป้าหมายของคุณมีหลากหลายกลุ่ม ก็มีโอกาสที่กลุ่มเป้าหมายจะใช้โซเชียลมีเดียในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ด้วยความที่กลุ่มเป้าหมายใช้งานสื่อโซเชียลต่างกัน คุณจึงต้องตามความนิยมของกลุ่มเป้าหมายให้ทันท่วงที

       2. ติดตามแพลตฟอร์มที่กลุ่มเป้าหมายแต่ละช่วงอายุใช้งาน

       ในขณะที่เฟซบุ๊กยังคงเป็นผู้นำตลาดในแง่ของการใช้งานทั่วๆไป (ชาวอเมริกัน 71% มีบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก) แพลตฟอร์มอื่นๆ อย่าง ทวิตเตอร์และอินสตาแกรมจะได้รับความนิยมมากกว่าในกลุ่มผู้ใช้งานที่อายุยังน้อย

       ตัวเลขดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับข้อมูลผู้ใช้และกลุ่มชาติพันธุ์ของผู้ใช้งานด้วย ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานที่มีเชื้อสายละตินและกลุ่มผู้ใช้งานชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกามีแนวโน้มที่จะใช้อินสตาแกรมและทวิตเตอร์มากกว่า ขณะที่กลุ่มผู้ใช้งานที่มีเชื้อสายคอเคเซียน จะนิยมใช้พินเทอเรสและลิงค์อิน

      การกำหนดกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานเหล่านี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการติดตามผลของตัวชี้วัด การมีส่วนร่วม และการตอบสนองจากแต่ละแพลตฟอร์ม โดยการสำรวจรูปแบบนี้จะเป็นการเก็บข้อมูลผ่านยอดไลค์และการแชร์ข้อมูล ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่นักการตลาดจะต้องให้ความสำคัญกับการกล่าวอ้างถึงแบรนด์และความคิดเห็นที่มีต่อแบรนด์จากอินเทอร์เน็ต

      ด้วยเหตุนี้ ระบบการตรวจสอบสื่อสังคมออนไลน์ที่จะแจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อผู้คนพูดถึงธุรกิจ แบรนด์หรือธุรกิจของคุณ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เครื่องมือช่วยสอดส่องแบรนด์ของซิชั่นถือเป็นทางเลือกจากบริการ Google Alerts สำหรับโซเชียลมีเดีย ซึ่งยังเข้าไปตรวจสอบบล็อก หรือแม้แต่สื่อประเภทดั้งเดิมและอีกมากมาย ดังนั้นจึงไม่มีหัวข้อสนทนาใดๆเกี่ยวกับแบรนด์ที่จะหลุดรอดสายตาไปได้ ขณะเดียวกันนัการตลาดมืออาชีพ ยังสามารถเลือกตรวจสอบแบบเฉพาะเจาะจงได้ ด้วยการผสมผสานฟิลเตอร์และตรรกะบูลีน ซึ่งเป็นเทคนิคการสืบค้นขั้นสูงเข้าด้วยกัน สำหรับการรายงานข้อมูลแบบพิเศษที่กำหนดขึ้นมาเอง

      ปัจจุบัน การติดตามเว็บไซต์เป็นสิ่งที่จำเป็น เครื่องมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้นักการตลาดสามารถตอบสนองและสร้างปฏิสัมพันธ์ได้เท่านั้น แต่ยังทำให้นักการตลาดทราบด้วยว่า ช่องทางการสื่อสารช่องทางใดที่จะทำให้เข้าถึงกลุ่มผู้รับสารได้ดีที่สุด
  
    
       3. รู้จักอินฟลูเอนเซอร์

การทำการตลาดโดยใช้อินฟลูเอนเซอร์ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่เราจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ ผลการวิจัยโดย Twitter ระบุว่า 40% ของผู้ที่ใช้โซเชียลมีเดียได้ตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะการนำเสนอของอินฟลูเอนเซอร์ งานวิจัยชิ้นนี้ค้นพบด้วยว่า อัตราการสนทนาจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่า หากลูกค้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ทั้งผ่านช่องทางธุรกิจและผ่านอินฟลูเอนเซอร์

      สิ่งสำคัญก็คือ การหาอินฟลูเอนเซอร์ที่มีบุคลิกตอบโจทย์ ซึ่งทีมการตลาดจะต้องทำความเข้าใจว่า อินฟลูเอนเซอร์คนใดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลายกลุ่ม ฐานข้อมูลสื่อของซิชั่นเป็นฐานข้อมูลที่รวบรวมข้อมูลอินฟลูเอนเซอร์และสื่อต่างๆ ไว้อย่างครอบคลุม และได้รับการอัพเดตอยู่เสมอ เครื่องมือนี้จะช่วยให้คุณสามารถตามหาอินฟลูเอนเซอร์ที่จะมาช่วยสร้างอิทธิพลสูงสุดโดยขึ้นอยู่กับธุรกิจของคุณด้วย

      การที่เราจะเข้าถึงเงินในกระเป๋าของกลุ่มเป้าหมาย เราอาจต้องเข้าหาอินฟลูเอนเซอร์จำนวนมากที่มีความเกี่ยวข้องกับประชากรเหล่านั้น Glossier ทำหน้าที่นี้ได้ดีผ่านการร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์นับร้อยบนโซเชียลมีเดีย Glossier สามารถเพิ่มฐานคนดูและการเติบโตของรายได้กว่า 600% จากการเชื่อมกลยุทธ์ด้านคอนเทนต์เข้ากับอินฟลูเอนเซอร์ระดับย่อยที่มีภูมิหลังหลากหลาย

ผู้คนมักเชื่อในความคิดเห็นของอินฟลูเอนเซอร์ คำพูดของอินฟลูเอนเซอร์สามารถเปิดประตูให้เหล่านักการตลาดเข้าถึงผู้รับสารด้วยวิธีที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น แน่นอนว่า เราต้องหาอินฟลูเอนเซอร์ในอุดมคติที่จะร่วมงานด้วยและเข้าถึงลูกค้าที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุด เพื่อไม่ให้ความพยายามที่ผ่านมาสูญเปล่า เราต้องใช้เวลาในการหาข้อมูล

เข้าใจถึงปัจจัยที่นำไปสู่การบอกต่อข้อความ
ถามตัวเองว่า:

1. โพสต์ของเราควรค่าแก่การแชร์หรือไม่
2. ทำไมคนอื่นต้องแชร์คอนเทนต์ของเราให้เพื่อนๆหรือผู้ติดตามด้วย
3. โพสต์ของเราเกี่ยวข้องกับความเป็นจริงของมนุษย์อย่างไร

          นี่เป็นคำถามที่เหล่านักการตลาดต้องถามตัวเองหากกำลังต้องการสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มผู้คนในวงกว้าง
นักการตลาดต้องนำเสนอคอนเทนต์ที่จะช่วยตอบคำถามและแก้ปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย จากการสำรวจความพึงพอใจด้านคอนเทนต์ ซึ่งจัดทำโดย DemandGen พบว่า ผู้รับสารชอบบทความที่เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ อย่างเช่น คำแนะนำ, เครื่องมือ, ตัวช่วย และเคล็ดลับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ, ให้ข้อมูล หรืออภิปรายในเรื่องที่กำลังเป็นกระแส โดยที่คอนเทนต์แต่ละชิ้นจะต้องมีประเด็นบางอย่างที่กลุ่มเป้าหมายกำลังมองหา

        ถ้าเราต้องการให้ผู้คนแชร์คอนเทนต์ เราต้องทำให้พวกเขามีเหตุผลเพียงพอที่จะทำเช่นนั้น โดยอาจจะมอบคำตอบให้กับเรื่องที่กำลังเป็นคำถาม, แบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์ของลูกค้าที่มีความพึงพอใจในสิ่งที่แบรนด์ของเรามอบให้ หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นร้อนในวงการ ด้วยการมอบข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับสารของคุณ ซึ่งจะทำให้กลุ่มเป้าหมายมีแนวโน้มที่จะกลับเข้ามาอ่านคอนเทนต์ของเราได้อีก

**บทสรุป
       ขณะที่แบรนด์ต่างๆในอดีตอาจสามารถกำหนดกลุ่มผู้เป้าหมายได้อย่างชัดเจน แต่กลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายในปัจจุบันกลับมีความต้องการและความชอบในการเข้ามาอ่านคอนเทนต์ที่แตกต่างกัน

       การเจาะกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก นักการตลาดจำเป็นต้องรู้ว่าจะทำลายกำแพงที่จะเข้าถึงทุกๆคนได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นประเภทของคอนเทนต์ที่นำเสนอ หรือช่องทางที่จะใช้ในการส่งมอบ ตลอดจนองค์ประกอบทั้งหมดของผู้รับสารกลุ่มเป้าหมายซึ่งล้วนแต่จะต้องทำความเข้าใจ เพื่อสร้างความผูกพันธ์กับผู้รับสารของเรา


ขอขอบคุณบทความจาก www.ryt9.com

         สามารถอ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/iq43/2821945

ไม่มีความคิดเห็น