Header Ads

การตลาดแบบดั้งเดิมสุดๆ ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณตาย

      กลยุทธ์การตลาด แบบดั้งเดิม ที่ปฏิบัติตามกันมา หากคุณใช้กลยุทธ์การตลาดดังกล่าวที่ใช้มาในยุคเก่า คร่ำครึ แล้วคิดว่าจะนำมาใช้กับสินค้าของคุณบ้าง คุณกำลังคิดผิดถนัด เพราะกลยุทธ์การตลาดดั้งเดิม ส่วนใหญ่จะใช้ไม่ได้ผลแล้วในยุคการตลาดใหม่ ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภค ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจนยากจะคืนกลับมา


     แต่ถ้าหากคุณยังดื้อดึง ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบดั้งเดิมต่อไปเพราะเห็นว่าธุรกิจอื่นๆ ก็ยังใช้กันอยู่ แล้วทำไมธุรกิจของคุณจะใช้ไม่ได้นั้น ผมว่าคุณกำลังจะนำพาธุรกิจของคุณไปสู่ความตาย เพราะคุณจะเสียเงินไปเปล่าประโยชน์ รวมถึงภาพพจน์สินค้าของคุณก็จะเสียไปด้วย

      เกริ่นนำมาพอสมควรแล้วครับเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าว่า การตลาดดั้งเดิมสุดๆ แบบไหนที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และไร้ซึ่งประสิทธิภาพสุดๆ ซึ่งครั้งแรกที่นำมาใช้ก็จะมองว่าดีครับ แต่ะจริงๆ แล้วอาจจะไม่ได้ดี เพอร์เฟค เสมอไปก็ได้ครับ มาดูกันครับว่ามีกลยุทธ์ใดบ้าง

      1.กลยุทธ์เลข 9 ท้ายราคา อันแสนคลาสสิค และอมตะ

         สุดยอดกลยุทธ์ต่อท้ายราคาด้วยเลข 9 นี้ได้รับการพิสูจน์มาแล้วทั่วโลกว่า เป็นวิธีที่อมตะมากที่สุด ได้ผล เป็นที่น่าพึงพอใจ แต่.....
          หากใช้กลยุทธ์เลข 9 ลงทัายราคามากจนเกินไป กับทุกๆ สินค้าภายในร้านกลยุทธิ์ดังกล่าวก็จะไม่ทรงพลังอีกต่อไป  ดูเหมือนจะทำได้ดี แต่ก็ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าตลอดไป

          มีการวิจัยการศาสตราจารย์  Eric Anderson จากมหาวิทยาลัย Northwestern ว่าร้านค้าที่ใช้กลยุทธ์เลข 9 ท้ายราคาสินค้านีี้ มากกว่าร้อยละ 30 ของจำนวนสินค้าทั้งหมดในร้าน จะทำให้ลูกค้า หรือผู้บริโภคเข้าใจว่า สินค้าในร้านแห่งนี้นั้น มีแต่สินค้าที่ด้อยคุณภาพ มีคุณภาพต่ำ เพราะมีแต่ของถูกๆ เต็มไปหมด ลูกค้าจะหมดความภูมิใจในการครอบครองสินค้า  และจะไม่จ่ายเงินเพื่อสินค้านั้นอีกต่อไป

          เห็นไหมล่ะว่ามันรายแรงแค่ไหน หากใช้กลยุทธ์นี้แบบไม่ดู ตาม้าตาเรือ เจ๊งเอาได้เลยน่ะครับ

      2. การให้ข้อมูลสินค้า 

          ผมไม่ปฏิเสธว่าการให้ข้อมูลของสินค้าให้มากเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้ลูกค้าได้เข้าใจถึงวิธีการใช้สินค้า ส่วนประกอบของสินค้า หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสินค้าที่ทำการตลาดอยู่
           ข้อมูลสินค้า เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่จะทำให้ลูกค้าของคุณเปิดกระเป๋าเงินของเขา เพื่อสินค้าของคุณได้ แต่หากใช้กลยุทธ์นี้มากจนเกิดคำว่าพอดีแล้ว ลูกค้าจะพาล เบือนหน้าหนีไปจากสินค้าของคุณก็เป็นไปได้
           ดังนั้นการอัดข้อมูลให้กับลูกค้า หรือผู้บริโภคมากจนเกินไปแทนที่จะเป็นการเรียกลูกค้า จะเป็นการทำให้ลูกค้า หนีไปจากคุณเพราะเขาจะรู้ด้วยสมอง ของเขาเองเลยว่า ถูกละเมิด  และตัวผู้ขายเองหวังแต่ยอดขาย หรือผลประโยชน์เท่านัั้น

            การให้ข้อมูลมากจนเกินไป ลูกค้าจะเกิดความรำคาญ และเป็นไปได้ที่ลูกค้าจะไม่ตัดสินใจซื้อ
ฉะนั้น กฎที่นักการตลาดทุกคนควรจะจำไว้เสมอว่า " ไม่ควรให้ข้อมูลสินค้ามากจนเกินไปกับผู้บริโภค " เพราะจำทำให้ลูกค้าสับสน และตัดสินใจไม่ซื้อเลยจะดีกว่า

     3. ลดสุดๆ กระหน่ำ Summer Sales ไปเลย

         การตลาดไทย อะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็จะลดราคาเพื่อหวังเพียงยอดขาย การตลาดลดราคาเป็นการตลาดยุคเริ่มแรกเลยทีเดียว ที่ใช้ได้ผลตลอดจนถึงปํจจุบน

          คุณเชื่อไหมครับว่า การที่คุณลดราคา เอะอะก็ลดราคาทุกคร้ั้งนั้น  ต้องแลกกับการเสียภาพลักษณ์ที่สำคัญที่สุดในการสร้างแบรนด์   และเมื่อมีการลดราคาแล้ว การตลาดไทย ยังจะมีการขยายเวลาการลดราคาออกไปด้วย การกระทำเช่นนี้จะเป็นการลดคุณค่าให้กับแบรนด์ของคุณเลยน่ะครับ

          และเมื่อนั้นความภักดีของลูกค้า ที่มีต่อสินค้านั้นจะลดน้อยลง จนสูญหายไปในที่สุด

      4.จ้างใช้เซเลบในการโปรโมท

          ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าวิธีการใช้เงินจำนวนมหาศาล เพื่อนำเอาบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ในสาขาต่างๆ เข้ามาช่วยโฆษณาสินค้าให้ เพื่อหวังยอดขายที่เพิ่มขึ้น หรือให้ผู้บริโภครู้จักสินค้า แบรนด์ให้มากขึ้นนั้น
          ผมขอแสดงความยินดีด้วยกับคนที่ใช้กลยุทธ์นี้อยู่ว่า กลยุทธ์ดังกล่าวใช้ไม่ได้ผลเสมอไปหรอกครับ เนื่องมาจากว่าบุคคลที่ จ่ายค่าตัวอันมหาศาลนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสินค้า หรือการใช้สินค้าของผู้บริโภคเลยแม้แต่น้อย บุคคลที่มีชื่อเสียงนี้ ผู้บริโภคสามารถรับชมได้ทั่วไปในโทรทัศน์  อินเตอร์เน็ต ได้อยู่แล้ว

          เพราะสิ่งที่ลูกค้าที่การฟัง ต้องการดูมากที่สุดไม่ใช้เหล่า พรีเซ็นเตอร์ คนดังทั้งหลายที่จ้างมา หากแต่จะเป็นประโยชน์ คุณสมบัติสินค้าเสียมากกว่าที่เขาต้องการทราบ ซึ่งคุณจะเห็นได้ว่า ในการโฆษณาการตลาดยุคดิจิตอลนั้นจะใช้ เหล่าคนดัง ดาราเด่นดังทั้งหลายน้อยมาก ส่วนมากจะใช้คนธรรมดานี่หล่ะครับในการโฆษณา เพราะใช้งบน้อยกว่า และผู้บริโภคจะเห็นว่า สินค้าและบริการดังกล่าว อยู่ในระดับที่เขาใช้ได้นั่นเอง


         เป็นอย่างไรบ้างครับ คงตาสว่างกันบ้างแล้วน่ะครับ  คุณควรกลับไปทบทวนการตลาดที่ใช้อยู่ว่า ยังคงใช้กลยุทธ์ที่โบราณไร้ซึ่งประสิทธิภาพเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่ หากใช้อยู่ก็ควรเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์เสียดีกว่าครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือนน่ะครับผม

ไม่มีความคิดเห็น