Header Ads

ร้านขายผักมีอยู่ 3 ร้าน แต่ขายดีของหมดอยู่ร้านเดียว อยากรู้ไหมเพราะอะไร?

    วันนี้ผมไปตลาด ประหลาดใจมากครับ ร้านขายผักผลไม้จ้าวประจำของแม่ผม ผักขายดีมากจนของหมดพอดีดีน่ะที่แม่ผมไลน์จองผักไว้ ส่วนร้านอื่นอีก 2 ร้านปรากฎว่าผักยังเหลือเต็มร้าน แม่ค้าขายผักนั่งตบยุงกัน นอนรอลูกค้าบ้าง ด้วยความสงสัยผมจึงถามแม่ว่า "ทำไมแม่ถึงชอบซื้อผักร้านนี้ ในขณะที่ร้านอื่นๆ คุณภาพ และความสดใหม่ก็ไม่แตกต่างกัน " แม่ผมบอกว่า "ร้านนี้เขาชอบแถม และพูดจาดี สนิทมานานแล้ว"  ด้วยความสงสัยเพิ่มเติมของผมว่า แม่ค้าขายผักร้านที่ขายดิบ ขายดีนี้ เขาใช้กลยุทธ์การตลาดอะไร มาช่วยในการทำให้ร้านของเขาขายดี เป็นธรรมชาติซ่ะขนาดนี้


        จึงได้สังเกตุ และทำการวิเคราะห์เผื่อจะมีประโยชน์สำหรับร้านค้า และผู้อ่านที่กำลังคิดกลยุทธ์การตลาดอยู่ บางทีเราอาจจะได้กลยุทธ์ทางการตลาดที่สุดยอด สร้างสรรค์ กับแม่ค้าขายผักอยู่นี่ก็ได้ครับเอาล่ะครับเรามาเริ่มกันเลย

        1. ประเด็นที่เกี่ยวกับการที่แม่ค้าขายผักชอบแถม

             ผมได้ทำการสังเกตุตอนที่แม่ค้าขายผักกำลังคัดเลือกผักใส่ถุงให้แม่อย่างกระตือรือร้น ในขณะที่นำผักใส่ถุงนั้น แม่ค้ามักจะบอกให้แม่ผม และลูกค้าคนอื่นแบบย้ำพูดว่า "เดี๋ยวแถมหอมแดงให้พวงหนึ่งน่ะ  เดี๋ยวแถมถั่วฝักยาวให้ 3 ฝักน่ะ เป็นต้น ใช่ครับแถมจริง แต่นำ้หนักชั่งระหว่างของแถม รวมกับผักที่ลูกค้าสั่งนั้นอาจจะเกิดมานิดเดียว ซึ่งอาจจะไม่ได้กระทบต่อต้นทุนมาก แต่แทนที่จะเงียบและแถม แม่ค้าไม่อยู่เฉยครับ ใช้หลักของการประชาสัมพันธ์การตลาด โฆษณาออกไปทันที อย่าได้เสีย..... แล้วไม่ได้พูดครั้งเดียวน่ะ บอกหลายครั้งด้วย "คุณพี่ลูกค้าประจำ แถมให้เลยค้าา"  "ลูกของคุณพี่น่ารักจัง แถมส้มให้กินลูกหนึ่งน่ะจ้าาาา"  เป็นต้น พูดด้วยนำ้เสียงที่จริงใจด้วยครับ อบอุ่นมาก ลูกค้าก็ยิ้มด้วยความประทับใจ ส่วนร้านอื่นๆ ไม่มีแถมอะไรเลย ไม่มีทักทาย ไม่รู้จักการให้ ไม่แบ่งปัน ร้ายจึงเงียบสนิท เงียบเป็นผักเลย

          2. แม่ค้าผักร้านนี้ ไม่ได้มุ่งแต่จะขายอย่างเดียว ยังทักทายลูกค้าด้วยความอบอุ่น

               แม่ค้าร้านนี้ทักทายพูดคุยกับลูกค้าตลอดครับ ไม่ใช่เป็นการพูดนินทา หรือก้าวก่าวเรื่องส่วนตัวน่ะครับ ส่วนมากจะคุยว่า สบายดีไหม ยังสวยเหมือนเดิมเลยน่ะ  ลูกสาวเป็นไงบ้างเรียนชั้นไหนล่ะพี่  อุ่ยน้องหน้าใสจังใช้ครีมอะไรบอกพี่หน่อยซิ   เป็นต้น แม่ค้าพูดด้วยเสียงที่จริงใจ เป็นตัวของตัวเองครับ ถ้าหลักการตลาดเรียกว่า "การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า" หรือที่เรียกว่า Customer Relationship Management (CRM)  แม่ค้าผักร้านที่ขายดีนี้ ไม่ได้มองคนมาซื้อผักเป็นแค่ลูกค้า แต่แม่ค้ายังคิด และทักทายลูกค้า เหมือนเป็นดั่งพี่น้อง ทำให้ช่องว่างระหว่างลูกค้า และแม่ค้า น้อยลง คุยกันได้อย่างสนิทใจ เป็นการสร้างความจงรักภักดีให้กับลูกค้าที่มาซื้อผัก อันเนื่องมาจากความจริงใจ ความอบอุ่น ความสนุกสนานที่แม่ค้าผักร้านนี้มอบให้นั่นเอง   เทียบกับอีก 2 ร้าน นั่งทำท่าเซ็งๆ หน้าบึ้ง เหมือนทะเลาะกับสามีมา ใครจะอยากไปซื้อล่ะครับ พอมีคนมาซื้อผักหน้าที่ของแม่ค้าผักที่ขายไม่ดี 2 ร้านคือ เก็บผักใส่ถุงตามที่ลูกค้าต้องการ แล้วก็เสร็จไม่พูด ไม่จา พอลูกค้าถามมากก็ทำหน้าแบบเซ็งๆ  รู้เลยเพราะอะไรถึงขายไม่ดีเหมือนร้านที่ขายดี

             3. แม่ค้าร้านขายผักที่ขายดิบขายดีนี้ ถึงแม้ว่าอายุจะค่อนข้างมากแล้ว (ประมาณอายุ 60 - 65 ปี) ไม่ได้จำกัดแค่ช่องทางการขายหน้าร้านอย่างเดียว ผมได้สอบถามป้าเขา เขาขายผ่าน และรับจองผักของร้านเขาทาง แอปพลิเคชั่น Line ด้วยน่ะ รวมถึงเขายังเปิด Facebook เพจด้วย พอผมขอดูยอดการ Follow เพจของเขา ตะลึงครับ ประมาณ 20,000 กว่าๆ Follow โดยประมาณ ผมนี่อายไปเลย โดยจะมีการจองออเดอร์ผักทางไลน์ เสร็จแล้วทางลูกค้าจะมารับเองที่ร้าน แม่ค้าผักบอกว่าไม่ทำ Derivery เพราะไม่มีคนไปส่ง เพราะลูกหลานทำงานประจำกัน แต่ผมว่า แค่นี้ก็สุดยอดกว่า ร้านขายผักที่เงียบเหงา อีก 2 ร้านที่เหลือแล้วน่ะ เพราะคุณพี่แม่ค้าขายผักอีก 2 ร้านหวังเก็บเกี่ยวเฉพาะขายหน้าร้านเท่านั้น อายุก็น้อยกว่าแม่ค้าผักร้านแรกซ่ะอีก แต่แนวคิด วิธีการขายไม่ค่อยทันยุค ทันสมัยเท่าไหร่ แค่นี้ก็แพ้ขาด

             4. ความกระตือรือร้น ไม่อยู่เฉย ทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา ยิ้มแย้มแจ่มใส อย่างมีความสุข

                 คุณสมบัติแบบนี้ เป็นหลักของกูรูด้านการขายของโลกแนะนำเลยน่ะนั่น การขายอะไรก็ตามสิ่งที่เป็นคุณสมบัติแรกของการขายเลยก็คือ "ความกระตือรือร้น" ในการขายของให้กับลูกค้า ซึ่งแม่ค้าร้านที่ขายดิบขายดีนี้ ตลอดเวลาที่เขาขาย เขาไม่อยู่เฉยเลย จะจัดโน่นจัดนี่ รดน้ำผักผลไม้บ้าง นับเงินบ้าง ด้วยหน้าตา และอารมณ์ที่แจ่มใสตลอดเวลา เพราะเขามีความสุขกับอาชีพค้าขายของเขา ผมเห็นเขาผมยังรู้สึกมีความสุขกับพี่เขาเลย  เมื่อแม่ค้า หรือคนขายสินค้ามีกความกระตือรือร้น ก็เป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาหาที่ร้านเพื่อซื้อสินค้า จะเกิดความน่าเชื่อถือโดยอัตโนม้ติ ต่างกับร้านที่เงียบเหงาอีก 2 ร้านช่วงขาย หรือช่วงรอลูกค้าก็ไม่กระตือรือร้นเลย นั่งๆ นอนๆ นานๆ จะลุกจากที่ประท้บลุกขึ้นบ้าง หน้าตา อารมณ์ก็ไม่สดใส ไม่ยิ้มแย้ม แบบนี้จะมีใครไว้วางใจ ใครอยากจะซื้อล่ะครับคุณพี่


              เอาล่ะครับจากการวิเคราะห์ก็พอได้ประมาณนี้ จากประเด็นนี้สอนให้เรารู้ว่า กลยุทธ์การตลาด และการขายนั้น จะต้องปฏิบัติก่อนที่จะมีการขายสินค้าเกิดขึ้น ไม่ใช่เมื่อมีคนมาสนใจสินค้า แล้วจึงเริ่มกลยุทธ์การตลาด เราจะต้องขายความประท้บใจ สร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นก่อน อีกทั้งช่องทางการขายการทำการตลาด จะต้องมีการเรียนรู้ และพัฒนาช่องทางการขายการตลาดอยู่เสมอ จากกรณีตัวอย่าง จะอายุเท่าไหร่ ไม่เกี่ยวเลยครับ มันเกี่ยวกับการเปิดใจเรียนรู้ล้วนๆ โดยนำเอาพฤติกรรมของลูกค้าในยุคสมัยใหม่เข้ามาประกอบกับการเรียนรู้ครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนน่ะครับ


ไม่มีความคิดเห็น